1.การควบคุมการเคลื่อนไหวหรือการแสดงของรูปภาพ (แถบเครื่องมือ Motion)
โดยสามารถทำให้รูปภาพขยายและหมุนเพื่อความหลากหลายของการแสดงผล โดยการใช้แถบเครื่องมือ Motion
โดยสามารถทำให้รูปภาพขยายและหมุนเพื่อความหลากหลายของการแสดงผล โดยการใช้แถบเครื่องมือ Motion
รูปภาพ 1 แสดงการกำหนดการแสดงของรูปภาพ
- เลือก Motion Effects หรือ Slide ที่แถบเครื่องมือด้านบน
- จะปรากฏไดอาล็อก Slide Options เลือกเมนู Motion Effects ทางด้านซ้ายมือในกรณีที่เลือกเมนู Slide ที่แถบเครื่อง
ใน Motion นี้จะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะที่สามารถกำหนดได้ คือ
การปรับรูปภาพที่ Starting Position เพื่อกำหนดลักษณะของรูปภาพในขณะที่เริ่มต้นการโชว์สไลด์
รูปภาพ 2 แสดงการกำหนดรูปภาพในขณะเริ่มต้นการโชว์สไลด์
- ปรับที่ Zoom เพื่อทำการขยายรูปภาพให้มีขนาดใหญ่ขึ้นหรือการบีบรูปภาพให้มีขาดเล็กลง
- ปรับที่ Rotate เพื่อกำหนดการหมุนของรูปภาพว่าต้องการให้รูปภาพหมุนกี่องศาในเวลาที่ทำการโชว์สไลด์
การปรับรูปภาพที่ Ending Position เพื่อกำหนดลักษณะของรูปภาพในขณะที่จะจบการโชว์สไลด์
- ปรับที่ Zoom เพื่อทำการขยายรูปภาพให้มีขนาดใหญ่ขึ้นหรือการบีบรูปภาพให้มีขาดเล็กลง
- ปรับที่ Rotate เพื่อกำหนดการหมุนของรูปภาพว่าต้องการให้รูปภาพหมุนกี่องศาในเวลาที่ทำการโชว์สไลด์
การปรับรูปภาพที่ Ending Position เพื่อกำหนดลักษณะของรูปภาพในขณะที่จะจบการโชว์สไลด์
รูปภาพ 3 แสดงการกำหนดรูปภาพในขณะจบการโชว์สไลด์
- ปรับที่ Zoom เพื่อทำการขยายรูปภาพให้มีขนาดใหญ่ขึ้นหรือการบีบรูปภาพให้มีขาดเล็กลง
- ปรับที่ Rotate เพื่อกำหนดการหมุนของรูปภาพว่าต้องการให้รูปภาพหมุนกี่องศาในเวลาที่ทำการโชว์สไลด์
* คลิกที่ Done เมื่อกำหนดได้ตามที่ต้องการ (เราสามารถเลือกรูปภาพอื่นๆ เพื่อทำการปรับรูปภาพ สามารถที่จะเลือกได้ที่ ลูกศรที่อยู่ด้านล่างของรูปภาพตัวอย่าง และสามารถทำการแสดงเพื่อเป็นตัวอย่าง โดยคลิกที่ Play)
2. การใส่ตัวอักษรให้กับรูปภาพ
- ปรับที่ Zoom เพื่อทำการขยายรูปภาพให้มีขนาดใหญ่ขึ้นหรือการบีบรูปภาพให้มีขาดเล็กลง
- ปรับที่ Rotate เพื่อกำหนดการหมุนของรูปภาพว่าต้องการให้รูปภาพหมุนกี่องศาในเวลาที่ทำการโชว์สไลด์
* คลิกที่ Done เมื่อกำหนดได้ตามที่ต้องการ (เราสามารถเลือกรูปภาพอื่นๆ เพื่อทำการปรับรูปภาพ สามารถที่จะเลือกได้ที่ ลูกศรที่อยู่ด้านล่างของรูปภาพตัวอย่าง และสามารถทำการแสดงเพื่อเป็นตัวอย่าง โดยคลิกที่ Play)
2. การใส่ตัวอักษรให้กับรูปภาพ
รูปภาพ 4 แสดงการใส่ข้อความในรูปภาพ
การใช้เครื่องมือ Captions เพื่อกำหนดข้อความต่างๆ ให้กับรูปภาพ โดยสามารถกำหนดขนาดและแบบของตัวอักษรได้ ซึ่งมีวิธีการดังนี้
- เลือก Caption หรือ Slide ที่แถบเครื่องมือด้านบน
การเพิ่มข้อความที่ Selected Caption
การใช้เครื่องมือ Captions เพื่อกำหนดข้อความต่างๆ ให้กับรูปภาพ โดยสามารถกำหนดขนาดและแบบของตัวอักษรได้ ซึ่งมีวิธีการดังนี้
- เลือก Caption หรือ Slide ที่แถบเครื่องมือด้านบน
การเพิ่มข้อความที่ Selected Caption
รูปภาพ 5 แสดงการใส่ข้อความในรูปภาพ
พิมพ์ข้อความที่ต้องการให้แสดงบนรูปภาพ ที่ Selected Caption และสามารถพิมพ์ข้อความได้มาก 1 ข้อความ
การจัดการกับข้อความที่ Caption List
พิมพ์ข้อความที่ต้องการให้แสดงบนรูปภาพ ที่ Selected Caption และสามารถพิมพ์ข้อความได้มาก 1 ข้อความ
การจัดการกับข้อความที่ Caption List
รูปภาพ 6 แสดงการเพิ่ม - ลบข้อความ
- เลือกเพื่อเพิ่มข้อความอีกโดยการพิมพ์ที่ Selected Caption
- สามารถที่จะลบข้อความที่เราไม่ต้องการได้
- เพื่อเลือกดูหรือแก้ไขข้อความข้างบน ในกรณีที่มีข้อความมากกว่า 1 ข้อความ
- เพื่อเลือกดูหรือแก้ไขข้อความข้างล่าง ในกรณีที่มีข้อความมากกว่า 1 ข้อความ
การกำหนดตัวอักษร
- เลือกเพื่อเพิ่มข้อความอีกโดยการพิมพ์ที่ Selected Caption
- สามารถที่จะลบข้อความที่เราไม่ต้องการได้
- เพื่อเลือกดูหรือแก้ไขข้อความข้างบน ในกรณีที่มีข้อความมากกว่า 1 ข้อความ
- เพื่อเลือกดูหรือแก้ไขข้อความข้างล่าง ในกรณีที่มีข้อความมากกว่า 1 ข้อความ
การกำหนดตัวอักษร
รูปภาพ 7 แสดงการกำหนดแบบตัวอักษร
เลือก Caption Format เพื่อเลือกแบบตัวอักษรและขนาดของข้อความที่มีการพิมพ์ที่ Selected Caption
การกำหนดสีข้อความ
เลือก Caption Format เพื่อเลือกแบบตัวอักษรและขนาดของข้อความที่มีการพิมพ์ที่ Selected Caption
การกำหนดสีข้อความ
รูปภาพ 8 แสดงการกำหนดสีของข้อความ
เลือก Caption Color โดยการเลือกที่ Set Color เพื่อทำการเลือกสีข้อความที่พิมพ์ไว้ที่ Selected Caption ตามที่ต้องการ
การกำหนดตำแหน่งของข้อความ
เลือก Caption Color โดยการเลือกที่ Set Color เพื่อทำการเลือกสีข้อความที่พิมพ์ไว้ที่ Selected Caption ตามที่ต้องการ
การกำหนดตำแหน่งของข้อความ
รูปภาพ 9 แสดงการกำหนดตำแหน่งของข้อความ
เลือก Caption Placement เพื่อเลือกตำแหน่งของข้อความ โดยสามารถจัดข้อความให้ชิดซ้าย ชิดขวา และกึ่งกลาง
การกำหนด Effects ให้กับข้อความ
เลือก Caption Placement เพื่อเลือกตำแหน่งของข้อความ โดยสามารถจัดข้อความให้ชิดซ้าย ชิดขวา และกึ่งกลาง
การกำหนด Effects ให้กับข้อความ
รูปภาพ 10 แสดงการเลือก Effects ให้กับข้อความ
- Fly In ข้อความที่มีรูปแบบหรือลักษณะการเลื่อนเข้า
- Normal ข้อความที่มีรูปแบบหรือลักษณะปกติ
- Fly Out ข้อความที่มีรูปแบบหรือลักษณะการเลื่อนออก
เลือก Text Effects เพื่อเลือก Effects ให้กับข้อความ โดยสามารถคลิกที่ Down List หรือที่ Browse หากเราเลือกที่ Browse เราสามารถดูตัวอย่างของ Effects ข้อความได้
การกำหนดสีเส้นตัวอักษร
- Fly In ข้อความที่มีรูปแบบหรือลักษณะการเลื่อนเข้า
- Normal ข้อความที่มีรูปแบบหรือลักษณะปกติ
- Fly Out ข้อความที่มีรูปแบบหรือลักษณะการเลื่อนออก
เลือก Text Effects เพื่อเลือก Effects ให้กับข้อความ โดยสามารถคลิกที่ Down List หรือที่ Browse หากเราเลือกที่ Browse เราสามารถดูตัวอย่างของ Effects ข้อความได้
การกำหนดสีเส้นตัวอักษร
รูปภาพ 11 แสดงการกำหนดสีเส้นตัวอักษร
- คลิกที่ OFF ให้เป็น ON ภาพด้านซ้ายมือ
- คลิกที่ Set Color เพื่อสีเส้นให้กับตัวอักษร ภาพด้านขวามือ
- คลิกที่ OFF ให้เป็น ON ภาพด้านซ้ายมือ
- คลิกที่ Set Color เพื่อสีเส้นให้กับตัวอักษร ภาพด้านขวามือ
การกำหนดสีแรงเงาให้กับตัวอักษร
รูปภาพ 12 แสดงการกำหนดสีแรงเงา
- คลิกที่ OFF ให้เป็น ON ภาพด้านซ้ายมือ
- คลิกที่ Set Color เพื่อสีแรงเงาให้กับตัวอักษร ภาพด้านขวามือ
* คลิกที่ Done เมื่อกำหนดได้ตามที่ต้องการ (เราสามารถเลือกรูปภาพอื่นๆ เพื่อกำหนอข้อความอีก สามารถที่จะเลือกได้ที่ ลูกศรที่อยู่ด้านล่างของรูปภาพตัวอย่าง และสามารถทำการแสดงเพื่อเป็นตัวอย่าง โดยคลิกที่ Play)
3. การใส่พื้นหลังให้กับรูปภาพ
- คลิกที่ OFF ให้เป็น ON ภาพด้านซ้ายมือ
- คลิกที่ Set Color เพื่อสีแรงเงาให้กับตัวอักษร ภาพด้านขวามือ
* คลิกที่ Done เมื่อกำหนดได้ตามที่ต้องการ (เราสามารถเลือกรูปภาพอื่นๆ เพื่อกำหนอข้อความอีก สามารถที่จะเลือกได้ที่ ลูกศรที่อยู่ด้านล่างของรูปภาพตัวอย่าง และสามารถทำการแสดงเพื่อเป็นตัวอย่าง โดยคลิกที่ Play)
3. การใส่พื้นหลังให้กับรูปภาพ
รูปภาพ 13 แสดงการกำหนดพื้นหลังรูปภาพ
การกำหนดพื้นหลังใช้เมนู Background เพื่อกำหนดพื้นหลังให้กับรูปภาพ มีวิธีการดังนี้
- เลือก Background หรือ Slide ที่แถบเครื่องมือด้านบน
- จะปรากฏไดอาล็อก Slide Options เลือกเมนู Background ทางด้านซ้ายมือในกรณีที่เลือกเมนู Slide ที่แถบเครื่องมือ
การกำหนดรูปแบบของพื้นหลัง
1. กำหนดสีของพื้นหลังรูปภาพ
การกำหนดพื้นหลังใช้เมนู Background เพื่อกำหนดพื้นหลังให้กับรูปภาพ มีวิธีการดังนี้
- เลือก Background หรือ Slide ที่แถบเครื่องมือด้านบน
- จะปรากฏไดอาล็อก Slide Options เลือกเมนู Background ทางด้านซ้ายมือในกรณีที่เลือกเมนู Slide ที่แถบเครื่องมือ
การกำหนดรูปแบบของพื้นหลัง
1. กำหนดสีของพื้นหลังรูปภาพ
รูปภาพ 14 แสดงการเลือกว่าต้องการจะกำหนดสีพื้นหลัง
- คลิกเครื่องหมายถูกที่ On/Off
- กำหนด Type เพื่อเลือกรูปแบบของพื้นหลัง
- เลือก Solid Color Background เพื่อเลือกว่าต้องการกำหนดสีของพื้นหลัง
- คลิกเครื่องหมายถูกที่ On/Off
- กำหนด Type เพื่อเลือกรูปแบบของพื้นหลัง
- เลือก Solid Color Background เพื่อเลือกว่าต้องการกำหนดสีของพื้นหลัง
รูปภาพ 15 แสดงการกำหนดสีพื้นหลัง
- เลือกที่ Set Color เพื่อทำการเลือกสีพื้นหลังตามที่ต้องการ
2. การกำหนดรูปภาพเป็นภาพพื้นหลัง
- เลือกที่ Set Color เพื่อทำการเลือกสีพื้นหลังตามที่ต้องการ
2. การกำหนดรูปภาพเป็นภาพพื้นหลัง
รูปภาพ 16 แสดงการเลือกว่าต้องการจะกำหนดภาพพื้นหลัง
- การกำหนดรูปภาพเป็นภาพพื้นหลังให้คลิกที่ Image Background
- การกำหนดรูปภาพเป็นภาพพื้นหลังให้คลิกที่ Image Background
รูปภาพ 17 แสดงการเพิ่มรูปภาพจากแฟ้ม
- คลิก Browse เพื่อเลือก
· เลือก Add Image File เพื่อเลือกรูปภาพจากแฟ้มที่ต้องการทำเป็นพื้นหลัง
· เลือก Add From Media Source เพื่อเลือกภาพพื้นหลังจากโปรแกรม
- คลิก Browse เพื่อเลือก
· เลือก Add Image File เพื่อเลือกรูปภาพจากแฟ้มที่ต้องการทำเป็นพื้นหลัง
· เลือก Add From Media Source เพื่อเลือกภาพพื้นหลังจากโปรแกรม
รูปภาพ 18 แสดงการเลือกรูปภาพ
- เลือกรูปภาพเป็นภาพพื้นหลัง หลังจากนั้นคลิก Open
- เลือกรูปภาพเป็นภาพพื้นหลัง หลังจากนั้นคลิก Open
รูปภาพ 19 แสดงการแก้ไขภาพพื้นหลัง
- การแก้ไขภาพพื้นหลัง
· Rotate เพื่อแก้ไขภาพพื้นหลังให้หมุนว่าต้องการให้ภาพพื้นหลังอยู่ในลักษณะใด
· Flip เพื่อแก้ไขภาพพื้นหลังให้สลับด้านซึ่งมี 2 ลักษณะคือ
1. Vertical เพื่อให้ภาพพื้นหลังสลับจากด้านซ้ายไปด้านขวา
2. Horizontal เพื่อให้ภาพพื้นหลังสลับจากด้านล่างไปด้านบน
- การแก้ไขภาพพื้นหลัง
· Rotate เพื่อแก้ไขภาพพื้นหลังให้หมุนว่าต้องการให้ภาพพื้นหลังอยู่ในลักษณะใด
· Flip เพื่อแก้ไขภาพพื้นหลังให้สลับด้านซึ่งมี 2 ลักษณะคือ
1. Vertical เพื่อให้ภาพพื้นหลังสลับจากด้านซ้ายไปด้านขวา
2. Horizontal เพื่อให้ภาพพื้นหลังสลับจากด้านล่างไปด้านบน
รูปภาพ 20 แสดงการแก้ไขสีภาพพื้นหลัง
- เปลี่ยนสีของภาพพื้นหลังที่ Colorize โดยคลิกที่เครื่องหมายถูกที่ ON แล้วเลือกที่ Set Color
- หลังจากนั้นทำการเปลี่ยนของภาพพื้นหลังตามที่ต้องการ
รูปภาพ 21 แสดงการกำหนดการปรับความสว่างและความคมชัดของภาพพื้นหลัง
กำหนดความสว่างต่างๆ ให้กับรูปภาพสามารถทำการปรับเปลี่ยนที่ Adjustments
- Brightness เพื่อปรับความสว่าง
- White point เพื่อปรับให้ภาพเป็นสีขาว
- Black point เพื่อปรับให้ภาพเป็นสีดำ
- Contrast เพื่อปรับภาพระหว่างภาพที่เป็นสีขวาและภาพที่เป็นสีดำ
- Hue เพื่อปรับความมืดหรือความสว่างของสี
- Sharpen เพื่อปรับภาพให้มีความคมชัดมมากยิ่งขึ้น
4. การใส่เพลงให้กับไฟล์วิดีโอ
การใช้เมนู Music เพื่อใส่เสียงเพลงในไฟล์วิดีโอ มีวิธีการดังนี้
กำหนดความสว่างต่างๆ ให้กับรูปภาพสามารถทำการปรับเปลี่ยนที่ Adjustments
- Brightness เพื่อปรับความสว่าง
- White point เพื่อปรับให้ภาพเป็นสีขาว
- Black point เพื่อปรับให้ภาพเป็นสีดำ
- Contrast เพื่อปรับภาพระหว่างภาพที่เป็นสีขวาและภาพที่เป็นสีดำ
- Hue เพื่อปรับความมืดหรือความสว่างของสี
- Sharpen เพื่อปรับภาพให้มีความคมชัดมมากยิ่งขึ้น
4. การใส่เพลงให้กับไฟล์วิดีโอ
การใช้เมนู Music เพื่อใส่เสียงเพลงในไฟล์วิดีโอ มีวิธีการดังนี้
รูปภาพ 22 แสดงการใส่เสียงเพลงในไฟล์วิดีโอ
- เลือกเมนู Music ที่แถบเครื่องมือด้านบน
- จะปรากฏไดอาล็อก Show Soundtrack
- เลือกเมนู Music ที่แถบเครื่องมือด้านบน
- จะปรากฏไดอาล็อก Show Soundtrack
การกำหนดความดังเสียง
รูปภาพ 23 แสดงการควบคุมเสียง
สามารถปรับขนาดความดังของเสียงเพลงได้ตามความต้องการ ซึ่งสามารถปรับได้
ตั้งแต่ 0 – 100 %
การเพิ่มเสียงเพลงในไฟล์วิดีโอ
ตั้งแต่ 0 – 100 %
การเพิ่มเสียงเพลงในไฟล์วิดีโอ
คลิกที่ Add เลือก Add Sound File เพื่อเลือกไฟล์เพลงที่ต้องการมาใส่ในไฟล์วิดีโอ
รูปภาพ 24 แสดงการเลือกเสียงเพลง
- เมื่อคลิกที่ Add Sound File แล้วจะปรากฏไดอาล็อกเพื่อให้ทำการเลือกเสียงเพลงที่จะนำมาใส่ในไฟล์วิดีโอ
- คลิก Open
การเพิ่ม – ลบ เสียงเพลง
- เมื่อคลิกที่ Add Sound File แล้วจะปรากฏไดอาล็อกเพื่อให้ทำการเลือกเสียงเพลงที่จะนำมาใส่ในไฟล์วิดีโอ
- คลิก Open
การเพิ่ม – ลบ เสียงเพลง
รูปภาพ 25 แสดงการเลือกเสียงเพลงเรียบร้อยแล้ว
เมื่อนำเสียงเพลงมาใส่เรียบร้อยแล้ว เราสามารถเพิ่มหรือลบเสียงเพลงได้ คือ
- เพื่อเพิ่มเสียงเพลงเข้ามาอีก
- เพื่อลบเสียงเพลงที่ไม่ต้องการออก
- เพื่อเล่นเพลงที่ได้เลือกมาเป็นตัวอย่าง
- เพื่อเลือกเสียงเพลงด้านบน
- เพื่อเลือกเสียงเพลงด้านล่าง
การปรับเสียงเพลง
รูปภาพ 26 แสดงการปรับเสียงเพลง
- Volume การกำหนดความดังของเสียงเพลง
- Fade In การปรับเสียงเพลงให้มีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
- Fade Out การปรับเสียงเพลงให้เสียงค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ
- Timing การกำหนดจังหวะการเล่นของเพลงหรือการตัดเพลงให้มีขนาดพอดีกับรูปภาพใน สไลด์โชว์
การกำหนดจังหวะของเสียงเพลง
- Volume การกำหนดความดังของเสียงเพลง
- Fade In การปรับเสียงเพลงให้มีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
- Fade Out การปรับเสียงเพลงให้เสียงค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ
- Timing การกำหนดจังหวะการเล่นของเพลงหรือการตัดเพลงให้มีขนาดพอดีกับรูปภาพใน สไลด์โชว์
การกำหนดจังหวะของเสียงเพลง
รูปภาพ 27 แสดงการกำนหดจังหวะของเพลง
- เมื่อเลือกที่ Timing โดยคลิกที่ Edit Fades and Timing ก็จะมีไดอาล็อกของ Edit Fades and Timing เพื่อให้เราสามารถกำหนดจังหวะของเพลงได้ โดยการนำเมาส์ไปคลิกที่ปลายเส้นคั่นให้เป็นรูปมือ แล้วลากเส้นคั่นไปยังตำแหน่งที่ต้องการ
- Zoom เพื่อขยายความถี่ของเสียงเพลง
- (Start Here) เมื่อทำการลากเส้นคั่นด้านหน้าไปยังตำแหน่งที่ต้องการ เพื่อกำหนดว่าให้เพลงเริ่มเล่นที่ตำแหน่งนี้
- (End Here) เมื่อทำการลากเส้นคั่นด้านหลังไปยังตำแหน่งที่ต้องการ เพื่อกำหนดว่าให้เพลงจบการเล่นที่ตำแหน่งนี้
- (Play) เพื่อเล่นเพลงที่ได้กำหนดจังหวะไว้เป็นตัวอย่าง
- (Pause) เพื่อหยุดการเล่นเพลงชั่วขณะ และสามารถเล่นเพลงต่อจากที่ได้หยุดไว้ โดยไม่ต้องเล่นซ้ำใหม่
- (Stop) เพื่อหยุดเล่นเพลงทั้งหมด ถ้าหากว่าจะเล่นเพลงใหม่ก็จะต้องเล่นซ้ำ
- เมื่อเลือกที่ Timing โดยคลิกที่ Edit Fades and Timing ก็จะมีไดอาล็อกของ Edit Fades and Timing เพื่อให้เราสามารถกำหนดจังหวะของเพลงได้ โดยการนำเมาส์ไปคลิกที่ปลายเส้นคั่นให้เป็นรูปมือ แล้วลากเส้นคั่นไปยังตำแหน่งที่ต้องการ
- Zoom เพื่อขยายความถี่ของเสียงเพลง
- (Start Here) เมื่อทำการลากเส้นคั่นด้านหน้าไปยังตำแหน่งที่ต้องการ เพื่อกำหนดว่าให้เพลงเริ่มเล่นที่ตำแหน่งนี้
- (End Here) เมื่อทำการลากเส้นคั่นด้านหลังไปยังตำแหน่งที่ต้องการ เพื่อกำหนดว่าให้เพลงจบการเล่นที่ตำแหน่งนี้
- (Play) เพื่อเล่นเพลงที่ได้กำหนดจังหวะไว้เป็นตัวอย่าง
- (Pause) เพื่อหยุดการเล่นเพลงชั่วขณะ และสามารถเล่นเพลงต่อจากที่ได้หยุดไว้ โดยไม่ต้องเล่นซ้ำใหม่
- (Stop) เพื่อหยุดเล่นเพลงทั้งหมด ถ้าหากว่าจะเล่นเพลงใหม่ก็จะต้องเล่นซ้ำ
รูปภาพ 28 แสดงเวลาของการกำหนดจังหวะของเพลง
- Start บ่งบอกถึงเวลาที่เริ่มการเล่นของเพลง ที่มีการกำหนดจังหวะของเพลงไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะกำหนดเป็นวินาที
- End บ่งบอกถึงเวลาที่จบการเล่นของเพลงที่มีการกำหนดจังหวะของเพลงไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะกำหนดเป็นวินาที
- Fade In แสดงเวลาในการปรับเสียงเพลงให้มีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะกำหนดเป็นวินาที
- Fade Out แสดงเวลาการปรับเสียงเพลงให้เสียงค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ซึ่งจะกำหนดเป็นวินาที
* เราสามารถที่จะกำหนดจังหวะของเพลงโดยการพิมพ์เวลาใส่ใน Start, End, Fade In, Fade Out ได้โดยไม่ต้องไปบากเส้นคั่นของเพลง
5. การใส่เสียงบันทึกในไฟล์วิดีโอ
- Start บ่งบอกถึงเวลาที่เริ่มการเล่นของเพลง ที่มีการกำหนดจังหวะของเพลงไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะกำหนดเป็นวินาที
- End บ่งบอกถึงเวลาที่จบการเล่นของเพลงที่มีการกำหนดจังหวะของเพลงไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะกำหนดเป็นวินาที
- Fade In แสดงเวลาในการปรับเสียงเพลงให้มีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะกำหนดเป็นวินาที
- Fade Out แสดงเวลาการปรับเสียงเพลงให้เสียงค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ซึ่งจะกำหนดเป็นวินาที
* เราสามารถที่จะกำหนดจังหวะของเพลงโดยการพิมพ์เวลาใส่ใน Start, End, Fade In, Fade Out ได้โดยไม่ต้องไปบากเส้นคั่นของเพลง
5. การใส่เสียงบันทึกในไฟล์วิดีโอ
รูปภาพ 29 แสดงการใส่เสียงบันทึกในไฟล์วิดีโอ
- เลือก Sound หรือ Slide ที่แถบเครื่องมือด้านบน
- จะปรากฏไดอาล็อก Slide Options เลือกเมนู Sound ทางด้านซ้ายมือในกรณีที่เลือกเมนู Slide ที่แถบเครื่องมือ
การเพิ่มสียงบันทึก
- เลือก Sound หรือ Slide ที่แถบเครื่องมือด้านบน
- จะปรากฏไดอาล็อก Slide Options เลือกเมนู Sound ทางด้านซ้ายมือในกรณีที่เลือกเมนู Slide ที่แถบเครื่องมือ
การเพิ่มสียงบันทึก
รูปภาพ 30 แสดงการเพิ่มเสียงบันทึก
- คลิกที่ Browse เลือก Add Sound File เพื่อเลือกเสียงบันทึก
- คลิกที่ Browse เลือก Add Sound File เพื่อเลือกเสียงบันทึก
รูปภาพ 31 แสดงการเลือกเสียงบันทึก
- เลือกเสียงบันทึกที่ต้องการนำเข้ามาใส่ในไฟล์วิดีโอ
- คลิก Open
- เลือกเสียงบันทึกที่ต้องการนำเข้ามาใส่ในไฟล์วิดีโอ
- คลิก Open
รปภาพ 32 แสดงการเลือกเพื่อตัดเสียง
- เลือก Trim Audio คลิกที่ Edit Fades and Timing เพื่อทำการตัดเสียงบันทึกเพื่อให้เสียงบันทึกนั้นๆ พอดีกับรูปภาพ
- เลือก Trim Audio คลิกที่ Edit Fades and Timing เพื่อทำการตัดเสียงบันทึกเพื่อให้เสียงบันทึกนั้นๆ พอดีกับรูปภาพ
รูปภาพ 33 แสดงการตัดเสียงบันทึก
- เมื่อเลือกที่ Timing โดยคลิกที่ Edit Fades and Timing ก็จะมีไดอาล็อกของ Edit Fades and Timing เพื่อให้เราสามารถตัดเสียงบันทึกได้ โดยการนำเมาส์ไปคลิกที่ปลายเส้นคั่นให้เป็นรูปมือ แล้วลากเส้นคั่นไปยังตำแหน่งที่ต้องการ
- Zoom เพื่อขยายความถี่ของเสียงบันทึก
- (Start Here) เมื่อทำการลากเส้นคั่นด้านหน้าไปยังตำแหน่งที่ต้องการ เพื่อกำหนดว่าให้เสียงบันทึกเริ่มเล่นที่ตำแหน่งนี้
- (End Here) เมื่อทำการลากเส้นคั่นด้านหลังไปยังตำแหน่งที่ต้องการ เพื่อกำหนดว่าให้เสียงบันทึกจบการเล่นที่ตำแหน่งนี้
- (Play) เพื่อเล่นเสียงบันทึกที่ได้ตัดไว้เป็นตัวอย่าง
- (Pause) เพื่อหยุดการเล่นเสียงบันทึกชั่วขณะ และสามารถเล่นเสียงบันทึกต่อจากที่ได้หยุดไว้ โดยไม่ต้องเล่นซ้ำใหม่
- (Stop) เพื่อหยุดเล่นเสียงบันทึกทั้งหมด ถ้าหากว่าจะเล่นเสียงบันทึกใหม่ก็จะต้องเล่นซ้ำ
- เมื่อเลือกที่ Timing โดยคลิกที่ Edit Fades and Timing ก็จะมีไดอาล็อกของ Edit Fades and Timing เพื่อให้เราสามารถตัดเสียงบันทึกได้ โดยการนำเมาส์ไปคลิกที่ปลายเส้นคั่นให้เป็นรูปมือ แล้วลากเส้นคั่นไปยังตำแหน่งที่ต้องการ
- Zoom เพื่อขยายความถี่ของเสียงบันทึก
- (Start Here) เมื่อทำการลากเส้นคั่นด้านหน้าไปยังตำแหน่งที่ต้องการ เพื่อกำหนดว่าให้เสียงบันทึกเริ่มเล่นที่ตำแหน่งนี้
- (End Here) เมื่อทำการลากเส้นคั่นด้านหลังไปยังตำแหน่งที่ต้องการ เพื่อกำหนดว่าให้เสียงบันทึกจบการเล่นที่ตำแหน่งนี้
- (Play) เพื่อเล่นเสียงบันทึกที่ได้ตัดไว้เป็นตัวอย่าง
- (Pause) เพื่อหยุดการเล่นเสียงบันทึกชั่วขณะ และสามารถเล่นเสียงบันทึกต่อจากที่ได้หยุดไว้ โดยไม่ต้องเล่นซ้ำใหม่
- (Stop) เพื่อหยุดเล่นเสียงบันทึกทั้งหมด ถ้าหากว่าจะเล่นเสียงบันทึกใหม่ก็จะต้องเล่นซ้ำ
รูปภาพ 34 แสดงเวลาของการตัดเสียงบันทึก
- Start บ่งบอกถึงเวลาที่เริ่มการเล่นของเพลง ที่มีการกำหนดจังหวะของเพลงไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะกำหนดเป็นวินาที
- End บ่งบอกถึงเวลาที่จบการเล่นของเพลงที่มีการกำหนดจังหวะของเพลงไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะกำหนดเป็นวินาที
- Fade In แสดงเวลาในการปรับเสียงเพลงให้มีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะกำหนดเป็นวินาที
- Fade Out แสดงเวลาการปรับเสียงเพลงให้เสียงค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ซึ่งจะกำหนดเป็นวินาที
* เราสามารถที่จะกำหนดจังหวะของเพลงโดยการพิมพ์เวลาใส่ใน Start, End, Fade In, Fade Out ได้โดยไม่ต้องไปบากเส้นคั่นของเพลง
6. การสร้างรูปแบบการแสดงผล
- Start บ่งบอกถึงเวลาที่เริ่มการเล่นของเพลง ที่มีการกำหนดจังหวะของเพลงไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะกำหนดเป็นวินาที
- End บ่งบอกถึงเวลาที่จบการเล่นของเพลงที่มีการกำหนดจังหวะของเพลงไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะกำหนดเป็นวินาที
- Fade In แสดงเวลาในการปรับเสียงเพลงให้มีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะกำหนดเป็นวินาที
- Fade Out แสดงเวลาการปรับเสียงเพลงให้เสียงค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ซึ่งจะกำหนดเป็นวินาที
* เราสามารถที่จะกำหนดจังหวะของเพลงโดยการพิมพ์เวลาใส่ใน Start, End, Fade In, Fade Out ได้โดยไม่ต้องไปบากเส้นคั่นของเพลง
6. การสร้างรูปแบบการแสดงผล
รูปภาพ 35 แสดงรูปแบบการแสดงผล
- DVD เพื่อสร้าง DVD สำหรับเปิดฟังกับเครื่องรับโทรทัศน์
- Device อุปกรณ์เพื่อสร้างภาพหรือหนังในเทปวิดีโอ (เสียงพูด, สื่อมัลติมีเดีย)
- Share Show Online ใส่ข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไปยังเครื่องส่วนกลางและนำไปแสดงที่ Photodex.com
- Video File เพื่อสร้างไฟล์วิดีโอในลักษณะและรูปแบบต่างๆ
- Web Show เพื่อการสร้างสื่อมัลติมีเดียเพื่อเชื่อมกับเว็บไซต์
- VCD Disc สร้างแผ่นซีดีภาพหรือวิดีโอเพื่อใช้เปิดกับโทรทัศน์
- PC Executable สร้างสื่อมัลติมีเดียแบบ EXE เพื่อใช้สำหรับการเปิดฟังบนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว
- You Tube เพื่อสร้างภาพหรือวิดีโอและใส่ข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไปยังเครื่องส่วนกลางไปยัง You Tube
- Flash การสร้างสื่อมัลติมีเดียเพื่อนำไปใช้ในเว็บไซต์ของคุณ
- Autorun CD การแผ่นซีดีเพื่อให้เล่นโดยอัตโนมัติบนเครื่องคอมพิวเตอร์
- E – Mail Executable การสร้างจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แบบ EXE
- PC Screen Saver การสร้าง Screen Saver ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ
ในการสร้างการแสดงผลต่างๆ สามารถที่จะทำได้ทั้งหมด แต่จะยกตัวอย่างการสร้างไฟล์ที่มีการสร้างกันมากหรือนิยมกันสร้าง เช่น Video, Web Show, Screen Saver เป็นต้น
การสร้างไฟล์วิดีโอ
- DVD เพื่อสร้าง DVD สำหรับเปิดฟังกับเครื่องรับโทรทัศน์
- Device อุปกรณ์เพื่อสร้างภาพหรือหนังในเทปวิดีโอ (เสียงพูด, สื่อมัลติมีเดีย)
- Share Show Online ใส่ข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไปยังเครื่องส่วนกลางและนำไปแสดงที่ Photodex.com
- Video File เพื่อสร้างไฟล์วิดีโอในลักษณะและรูปแบบต่างๆ
- Web Show เพื่อการสร้างสื่อมัลติมีเดียเพื่อเชื่อมกับเว็บไซต์
- VCD Disc สร้างแผ่นซีดีภาพหรือวิดีโอเพื่อใช้เปิดกับโทรทัศน์
- PC Executable สร้างสื่อมัลติมีเดียแบบ EXE เพื่อใช้สำหรับการเปิดฟังบนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว
- You Tube เพื่อสร้างภาพหรือวิดีโอและใส่ข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไปยังเครื่องส่วนกลางไปยัง You Tube
- Flash การสร้างสื่อมัลติมีเดียเพื่อนำไปใช้ในเว็บไซต์ของคุณ
- Autorun CD การแผ่นซีดีเพื่อให้เล่นโดยอัตโนมัติบนเครื่องคอมพิวเตอร์
- E – Mail Executable การสร้างจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แบบ EXE
- PC Screen Saver การสร้าง Screen Saver ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ
ในการสร้างการแสดงผลต่างๆ สามารถที่จะทำได้ทั้งหมด แต่จะยกตัวอย่างการสร้างไฟล์ที่มีการสร้างกันมากหรือนิยมกันสร้าง เช่น Video, Web Show, Screen Saver เป็นต้น
การสร้างไฟล์วิดีโอ
รูปภาพ 36 แสดงการสร้าง Video File
- เมื่อคลิกที่แถบเมนู Create Output แล้วจะขึ้นไดอาล็อกเพื่อเลือกการสร้าง Output ต่างๆ
- เลือก Video File เพื่อทำการสร้างไฟล์วิดีโอ
- เลือกรูปแบบและลักษณะต่างๆ
- คลิกที่ Create
การบันทึกไฟล์วิดีโอ
- เมื่อคลิกที่แถบเมนู Create Output แล้วจะขึ้นไดอาล็อกเพื่อเลือกการสร้าง Output ต่างๆ
- เลือก Video File เพื่อทำการสร้างไฟล์วิดีโอ
- เลือกรูปแบบและลักษณะต่างๆ
- คลิกที่ Create
การบันทึกไฟล์วิดีโอ
รูปภาพ 37 แสดงการบันทึก Video File
- เมื่อคลิกที่ Create จะขึ้นไดอาล็อก Save Video File
- เลือกไดร์ฟ และโฟล์เดอร์ที่ต้องการจะบันทึกไฟล์วิดีโอ
- พิมพ์ชื่อไฟล์วิดีโอที่ File name
- กำหนดนามสกุลเป็น .mpg
- คลิก Save
การสร้าง Web Show
- เมื่อคลิกที่ Create จะขึ้นไดอาล็อก Save Video File
- เลือกไดร์ฟ และโฟล์เดอร์ที่ต้องการจะบันทึกไฟล์วิดีโอ
- พิมพ์ชื่อไฟล์วิดีโอที่ File name
- กำหนดนามสกุลเป็น .mpg
- คลิก Save
การสร้าง Web Show
รูปภาพ 38 แสดงการสร้าง Web Show
- เมื่อคลิกที่แถบเมนู Create Output แล้วจะขึ้นไดอาล็อกเพื่อเลือกการสร้าง Output ต่างๆ
- เลือก Web Show เพื่อทำการสร้าง Web Show
- เลือก Theme โดยการคลิกที่รูปภาพด้านบนเพื่อกำหนดเป็นภาพพื้นหลัง
- เลือก Layout เพื่อกำหนดรูปแบบหน้าของ Web Show
- กำหนดหัวเรื่องที่ Title
- คลิกที่ Create
การบันทึก Web Show
- เมื่อคลิกที่แถบเมนู Create Output แล้วจะขึ้นไดอาล็อกเพื่อเลือกการสร้าง Output ต่างๆ
- เลือก Web Show เพื่อทำการสร้าง Web Show
- เลือก Theme โดยการคลิกที่รูปภาพด้านบนเพื่อกำหนดเป็นภาพพื้นหลัง
- เลือก Layout เพื่อกำหนดรูปแบบหน้าของ Web Show
- กำหนดหัวเรื่องที่ Title
- คลิกที่ Create
การบันทึก Web Show
รูปภาพ 39 แสดงการบันทึก Web Show
- เมื่อคลิกที่ Create จะขึ้นไดอาล็อก Save Web Show
- เลือกไดร์ฟ และโฟล์เดอร์ที่ต้องการจะบันทึก Web Show
- พิมพ์ชื่อ Web Show ที่ File name
- เลือก Save as type เป็น Photodex Presenter Stream
- คลิก Save
การสร้าง Screen Saver
- เมื่อคลิกที่ Create จะขึ้นไดอาล็อก Save Web Show
- เลือกไดร์ฟ และโฟล์เดอร์ที่ต้องการจะบันทึก Web Show
- พิมพ์ชื่อ Web Show ที่ File name
- เลือก Save as type เป็น Photodex Presenter Stream
- คลิก Save
การสร้าง Screen Saver
รูปภาพ 40 แสดงการสร้าง Screen Saver
- เมื่อคลิกที่แถบเมนู Create Output แล้วจะขึ้นไดอาล็อกเพื่อเลือกการสร้าง Output ต่างๆ
- เลือก PC Screen Saver เพื่อทำการสร้าง Screen Saver ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์
- พิมพ์หัวข้อหรือ Title
- คลิกที่ Create
- เมื่อคลิกที่แถบเมนู Create Output แล้วจะขึ้นไดอาล็อกเพื่อเลือกการสร้าง Output ต่างๆ
- เลือก PC Screen Saver เพื่อทำการสร้าง Screen Saver ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์
- พิมพ์หัวข้อหรือ Title
- คลิกที่ Create
รูปภาพ 41 แสดงการบันทึก Screen Saver
- เมื่อคลิกที่ Create จะขึ้นไดอาล็อก Save Screen Saver
- เลือกไดร์ฟ และโฟล์เดอร์ที่ต้องการจะบันทึก Web Screen Saver
- พิมพ์ชื่อ Web Screen Saver ที่ File name
- เลือก Save as type เป็น Screen Savers
- คลิก Save
- เมื่อคลิกที่ Create จะขึ้นไดอาล็อก Save Screen Saver
- เลือกไดร์ฟ และโฟล์เดอร์ที่ต้องการจะบันทึก Web Screen Saver
- พิมพ์ชื่อ Web Screen Saver ที่ File name
- เลือก Save as type เป็น Screen Savers
- คลิก Save